ในยุคที่การเดินทางยังคงมีข้อจำกัด ธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุมได้ริเริ่มนำคอนเซ็ปต์ O2O (Offline to Online) หรือ ‘ไฮบริดแฟร์’ (Hybrid Fair) มาประยุกต์ใช้แพร่หลายมากขึ้น
ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาที่เราทุกคนมีข้อจำกัดด้านการเดินทางและไม่สามารถพบเจอกันได้เหมือนปกติ กลับกลายเป็นว่า virtual fair หรือ digital fair ที่เข้ามาเป็นโซลูชั่นหนึ่งของโลกการค้า ได้แสดงศักยภาพของมันออกมาอย่างโดดเด่น โดยใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่นำเสนอส่วนบริการต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ แอพลิเคชัน หรือช่องทางอื่นบนอินเทอร์เน็ต และเชื่อมโยงกลุ่มเป้าหมายบางส่วนมาสู่รูปแบบงานฉบับเต็มบนแพลตฟอร์มออฟไลน์ (การจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมต่างๆ ในสถานที่จริง) ที่เมื่อถึงเวลานั้นก็ยังสามารถใช้แพลทฟอร์มออนไลน์เป็นช่องทางถ่ายทอดคอนเทนท์ภายในงาน ไลฟ์สตรีมมิ่งกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเปิดให้คู่ค้าทำการตกลงเจรจา หรือสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที นำไปสู่การสร้างยอดขายและโอกาสการตลาดใหม่ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ตัวอย่างงานอีเวนท์ระดับนานาชาติที่สามารถข้ามผ่านขีดจำกัดและปรับรูปแบบเป็น hybrid event ได้อย่างสวยงามได้แก่
INBOUND by HUBSPOT งานประชุมด้านการตลาดที่ผู้คนจะได้เรียนรู้เทคนิกการตลาดสมัยใหม่จากกูรูชั้นนำแถมยังเป็นงานที่รวมความบันเทิงคับคั่งจากศิลปินและนักแสดงทั่วโลก ในปีที่ผ่านมา INBOUND by HUBSPOT ก็นำเสนอเนื้อหาและความบันเทิงแบบสุดพลังผ่านระบบสตรีมมิ่งรวมถึงจัดกิจกรรมมากมายให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมสนุกได้บนแพลตฟอร์มเสมือนจริง เรียกว่ายังคงความน่าสนใจของอีเวนท์ไว้ได้ผ่านการมอบคอนเทนต์ที่น่าติดตาม สนุก และอินเทอร์แอคทีฟเต็มขั้น
MAISON & OBJET งานแสดงสินค้าดีไซน์ ไลฟ์สไตล์และการตกแต่ง Maison & Objet ที่กรุงปารีส ปัจจุบันนอกจากจะมีแฟลตฟอร์ม MOM เป็นดิจิทัลโชว์รูมสำหรับแบรนด์ต่างๆ แล้ว ยังได้ปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ให้รองรับการจัดงานในรูปแบบ ‘ดิจิทัลแฟร์’ ควบคู่ไปกับงานแฟร์ที่จะเกิดขึ้นจริงด้วย ทั้งในส่วนของการแสดงงาน การเยี่ยมชมการเจรจาธุรกิจ และการร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เปิดทางเลือกให้กับผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจอย่างกว้างขวาง
ELLE DIGITAL FASHION WEEK 2020 Powered by Lazada อีกงานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการนำเสนอรันเวย์รูปโฉมใหม่ภายใต้แนวคิด ‘Front Row at Home’ ที่ทำให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าและคนในวงการค้าแฟชั่น สามารถรับชมการแสดงแฟชั่นโชว์แบบ virtual runway จากดีไซเนอร์ชั้นนำของไทยผ่านทางฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมบนแอพลิเคชั่นของ Lazada แต่ที่สำคัญคืองานนี้ได้เชื่อมโยงแบรนด์แฟชั่นไทยเข้าสู่อีกขั้นของตลาดอีคอมเมิร์ซ ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘See Now Buy Now’ ที่ผู้รับชมงานสามารถช้อปทุกคอลเล็กชั่นได้ทันทีผ่านทางสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ค นับเป็นการไฮบริดโลก e-commerce และ entertainment เข้าหากันอย่างสร้างสรรค์และน่าติดตาม
10 ข้อดีของ “ไฮบริดอีเวนท์”
1. ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานไม่มีข้อจำกัดในเรื่องการเดินทางและสถานที่จัดงาน
2. แพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยขยายระยะเวลาการค้าเป็นช่องทางสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมและซื้อสินค้าได้ตั้งแต่ก่อนระหว่าง และหลังงานแสดงสินค้าจริง
3. ประสบการณ์เสมือนจริง คือโลกใหม่ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสินค้าและบริการในมุมที่แตกต่างและเป็นส่วนตัว
4. ลูกค้าบางกลุ่มต้องการได้รับข้อมูลและการพูดคุยแบบเป็นส่วนตัว ‘ในเวลาที่เขาพอใจ’ ซึ่งการร่วมงานแฟร์เสมือนจริงช่วยให้พวกเขาเข้าถึงเอกสารข้อมูลผลิตภัณฑ์ ชมวิดีโอนำเสนอ และชมการสาธิตวิธีใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวก
5. ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่กว้างขึ้น จากการสำรวจพบว่าเกือบ 98% ของผู้เข้าชมงานไฮบริดแฟร์ไม่ได้วางแผนที่จะไปชมงานในรูปแบบปกติมาก่อน นั่นหมายความว่าแบรนด์ต่างๆ มีโอกาสจะสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าใหม่และขยายฐานตลาดในอนาคตได้อีกมหาศาล
6. เปิดช่องทางใหม่ๆ ให้กลุ่มเป้าหมายได้มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ เนื่องจากผู้ชมงานบนแพลตฟอร์มเสมือนจะเข้าชมงานจากมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถพูดคุยกดไลค์ กดแชร์ และสร้างบทสนทนาใหม่ๆ กับแบรนด์ได้
7. ไฮบริดแฟร์ช่วยลดต้นทุนในการเข้าร่วมงานสำหรับหลายๆ ฝ่าย ที่ชัดเจนคือเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่พัก ค่าขนส่ง ค่าบุคลากร ฯลฯ
8. มีคอนเทนต์ให้ทำการตลาดได้ต่อเนื่อง แทนที่การออกแฟร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ แล้วกลับมารอคำสั่งซื้อธุรกิจของคุณสามารถนำคอนเทนต์รูปแบบดิจิทัลจากการร่วมงานไฮบริดแฟร์กลับมาประยุกต์ใช้ในแคมเปญการตลาดได้ต่อเนื่องยาวๆ ที่สำคัญคือสามารถวิเคราะห์ผลตอบรับได้ชัดเจน
9. เพิ่ม ROI จากการออกแฟร์ให้สูงขึ้นได้ เพราะธุรกิจจะได้รับข้อมูลกลับมาจากการร่วมงานไฮบริดแฟร์มากมาย ทำให้วิเคราะห์ผลลัพธ์การทำงานและวางแผนก้าวต่อไปได้ดีขึ้น เช่นหากข้อมูลระบุว่าตลาดเป้าหมายเติบโตดีในแพลตฟอร์มเสมือน ในอนาคตบางธุรกิจก็อาจปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนการออกแฟร์จริง และโยกเงินไปใช้ในส่วนออนไลน์มากขึ้นเพื่อเพิ่มผลกำไร
10. ข้อมูลและอินไซต์ที่ได้จากการออกแฟร์ในรูปแบบไฮบริดถือเป็นสิ่งมีค่าทางการตลาด และเป็นชุดข้อมูลที่แตกต่างจากการออกงานแฟร์รูปแบบปกติ ธุรกิจจะรู้ถึงจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่สนใจในผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ หรือกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งได้อย่างแน่ชัด รู้ถึงวิธีการและอัตราการมีปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มเป้าหมายในระดับต่างๆ รวมถึงรู้ว่าปัจจัยใดหรือเงื่อนไขใดมีผลต่อการสร้างความสนใจและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายด้วย
HYBRID EVENTS BY DITP
ธุรกิจแฟชั่นและสิ่งทอ
MIRROR & MIRROR : โมเดลเจรจาการค้าออนไลน์ที่ผู้ซื้อสัมผัสสินค้าได้จริง โมเดลงานแฟร์แบบไฮบริดของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ด้วยการนำสินค้าของผู้ประกอบการไทยไปจัดโชว์ในเทรดแฟร์ต่างประเทศ แต่เจ้าของสินค้าสามารถนั่งเจรจาซื้อขายจากในประเทศไทยได้ ประเดิมครั้งแรกที่งาน Fashion World Tokyo Oct 2020 งานแสดงสินค้าแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นำทีมโดยคณะทูตพาณิชย์ โตเกียว เกิดการเจรจาธุรกิจผ่านแพลตฟอรม์ ออนไลนใ์ นงานกว่า 100 คู่ ในปี 2021 กรมมีแผนที่จะจัดงาน Mirror Mirror ในอีกหลายประเทศ
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
THAIFEX – ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” : จะเดินงานจริงหรือชมงานเสมือนจริงผ่านเว็บก็ได้ เดินหน้าเพิ่มรูปแบบการจัดงานใหม่ในลักษณะเสมือนจริงควบคู่ไปกับการจัดงานแบบปกติ โดยผู้ค้าสามารถซื้อขายกันได้ทันทีผ่านเว็บไซต์ www.thaifex-vts.com และผู้ชมงานจากทั่วโลกสามารถดูรายละเอียดสินค้าได้แบบ 360 องศา เลือกชมสินค้าในชั้นวางสินค้าออนไลน์ ชมคลิปวิดีโอ เปิดแค็ตตาล็อก สินค้าออนไลน์ รวมถึงฝากข้อความนัดเวลาเจรจาการค้าล่วงหน้าหรือเจรจาแบบทันทีได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ
BANGKOK GEMS AND JEWELRY FAIR (BGJF) SPECIAL EDITION – On Ground to Online Exhibition : งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับครั้งพิเศษที่จัดขึ้นบน แพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบ ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วยการพาผู้แสดงสินค้ากว่า 600 บริษัทเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้ซื้อจากทั่วโลก ไฮไลท์คือการใช้รูปแบบผสมผสานการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Virtual Trade Fair) และการเจรจาธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching) โดยที่ผู้ที่สนใจสามารถทำการซื้อขายได้ทันทีผ่านระบบการไลฟ์แชตหรือวิดีโอคอล
ธุรกิจสินค้าดีไซน์และเฟอร์นิเจอร์
T-STYLE Thai Spirit : งานไทยดีไซน์ในโชว์รูมดิจิทัลระดับโลก Maison & Objet กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจับมือทีมนักออกแบบและผู้ผลิตไทยกว่า 30 แบรนด์เปิดตัวสินค้างานดีไซน์ภายใต้แนวคิด Thai Spirit บนโชว์รูมดิจิทัลของงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ Maison & Objet ที่เว็บไซต์ www.maison-objet.com และ mom.maison-objet.com
ในท้ายที่สุดเรายังเชื่อว่าแนวคิดการจัดงานแสดงสินค้าแบบไฮบริด รวมถึงแพลตฟอรม์การค้าและการสื่อสารที่เชื่อมโยงโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกันนี้ จะเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนขึ้นสำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในระบบเศรษฐกิจอนาคตเป็นการเปิดประตูบานใหม่สู่สังคมการค้าที่เท่าเทียมขึ้น ให้โอกาสให้ผู้ประกอบการและนักสร้างสรรค์รายเล็กๆ ในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนสังคมการค้าระดับนานาชาติได้อย่างแท้จริง
เครดิตข้อมูล: www.brella.io www.dreamcast.ae
